ตอนที่ 9 - การพิจารณาเลือกระบบบำบัดน้ำเสียอย่างเหมาะสม
         ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีทางด้านอุตสาหกรรมได้ก้าวไปไกล และประสบความสำเร็จ
เป็นอย่างมาก ผิดกับเทคโนโลยีในการบำบัดน้ำเสียที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาให้เท่าเทียมกัน ทั้งนี้อาจ
เป็นเพราะว่าเทคโนโลยีที่มีอยู่ยังสามารถรองรับน้ำเสียจากโรงงานที่แปรเปลี่ยนไปได้ อย่างเช่นใน
ประเทศไทยแม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนจากการเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรมแล้วก็ตาม อุตสาห-
กรรมส่วนใหญ่ก็ยังใช้วัสดุการเกษตรเป็นวัตถุดิบ ระบบบำบัดที่มีอยู่จึงยังสามารถรองรับได้
         ระบบบำบัดน้ำเสียมีอยู่หลายรูปแบบให้เลือกตามที่ได้นำเสนอแล้วในบทก่อน แต่ละระบบ
หรือรูปแบบจะมีจุดเด่นเฉพาะตัว และประสิทธิภาพของการบำบัดก็แตกต่างกันออกไป ด้วยเหตุนี้
ผู้ดำเนินการควรจะสละเวลาประเมินเทคโนโลยี และประสิทธิภาพของระบบเหล่านั้นเสียก่อน ก่อน
ที่จะตัดสินใจเลือก หากการตัดสินใจนั้นถูกต้องและเหมาะสม จะทำให้ไม่เกิดปัญหาในการลงทุน
เป็นการลงทุนครั้งเดียวก็ใช้การได้ นอกจากนี้ยังทำให้ไม่มีปัญหากับหน่วยงานของรัฐอีกด้วย และ
ที่สำคัญก็คือยังจะได้ชื่อว่าไม่ได้เป็นผู้สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับพื้นที่โครงการ หรือแก่ประเทศ
ชาติ นับได้ว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับอุตสาหกรรมของตนเป็นการสร้างศรัทธาให้กับ
ประชาชน
การพิจารณาเลือกระบบ
         ก่อนที่จะเลือกระบบ ผู้พิจารณาเลือกระบบจะต้องได้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ที่จะวางระบบว่ามี
มากน้อยเพียงไร มีน้ำเสียที่จะต้องบำบัดเท่าใด คุณสมบัติของน้ำเสียเป็นอย่างไร เป็นพวกสาร
อนินทรีย์หรือสารอินทรีย์ ระดับความต้องการที่จะต้องบำบัดลงมาเพื่อให้ได้มาตรฐานน้ำทิ้งที่รัฐ
กำหนดให้ ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้ผู้เลือกรู้ถึงข้อจำกัดที่มีอยู่ แล้วนำมากลั่นกรองพิจารณาเลือกระบบ
ที่เหมาะสมต่อไป
         พื้นที่วางระบบ การที่รูว่ามีพื้นที่เท่าใด ทำให้สามารถตีวงการเลือกระบบให้กว้างขึ้นหรือแคบ
ลงได้ หากมีพื้นที่วางระบบน้อย ระบบที่ต้องใช้พื้นที่มากไม่ต้องนำมาพิจารณา หากมีพื้นที่มากเปิด
กว้างให้เลือกระบบที่มีประสิทธิภาพดี ควบคุมง่ายได้
         คุณสมบัติของน้ำเสีย มีความสำคัญมากในการเลือกระบบ หากน้ำเสียมีองค์ประกอบส่วน
ใหญ่เป็นสารอนินทรีย์ และรู้ว่าอะไรเป็นองค์ประกอบหลัก ก็จะทำให้เลือกระบบได้ง่ายขึ้น เพราะ
มีแผนภูมิให้ดำเนินการเลือกในทุก ๆ ขั้นตอนอยู่แล้ว ในทางกลับกันหากพบว่าองค์ประกอบส่วน
ใหญ่เป็นสารอินทรีย์รู้ค่าบีโอดี ซีโอดี และทีโอซีด้วยแล้ว จะช่วยให้เลือกระบบบำบัดได้ดีขึ้น เพราะ
ค่าเหล่านี้จะบอกให้รู้ถึงความเข้มข้นของมัน ถ้าพบว่าน้ำเสียมีค่าบีโอดีสูง แสดงให้รู้ว่าสารอินทรีย์
ที่มีอยู่ในน้ำเสียนั้น แบคทีเรียย่อยสลายได้ จะได้เลือกดำเนินการตามแผนภูมิที่ใช้แบคทีเรียเป็น
หลักในการย่อยสลาย หากพบว่าค่าซีโอดี หรือ ทีโอซีสูงกว่าบีโอดี แสดงว่าน้ำเสียนั้นจะใช้แบคที-
เรียย่อยสลายไม่ได้ หรืออาจจะได้บ้างแต่ก็ไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะสร้างสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา หรือ
หากพบว่าซีโอดีสูงกว่าทีโอซี แสดงว่าน้ำเสียนั้นมีสารอนินทรีย์สูง หากเป็นพวกฟอสเฟตจะทำให้
สาหร่ายเจริญเติบโตดี หากเป็นโลหะหนักก็เลือกระบบบำบัดทางเคมี หรือแผ่นเยื่อกรองมาช่วยเป็น
ต้น
การเลือกระบบบำบัด
         จากที่ได้กล่าวมาแล้วในบทก่อนว่า ระบบบำบัดน้ำเสียสามารถแยกออกมาเป็นสองประเภท
ใหญ่ ๆ คือ พวกที่มีองค์ประกอบหลักเป็นสารอนินทรีย์ และอีกพวกหนึ่งเป็นสารอินทรีย์ ซึ่งทั้งสอง
ประเภทจะมีวิธีการบำบัดที่แตกต่างกันออกไป มีหลักการดำเนินการที่ไม่เหมือนกัน จึงมีแผนภูมิ
เลือกวิธีบำบัดคนละรูปแบบดังแสดงไว้ในแผนภูมิที่ 9.1 เมื่อเลือกระบบตามขั้นตอนที่แนะนำใน
แผนภูมิได้แล้วยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าวิธีที่เลือกไว้นั้นเหมาะสม 100% เนื่องจากแผนภูมิ
แนะนำความเหมาะสมทางเทคโนโลยีเท่านั้น ยังไม่ได้พิจารณาถึงการลงทุน ความปลอดภัย การ
ควบคุมดูแลระบบ เมื่อนำเอาสิ่งเหล่านี้มาพิจารณารวมกันแล้ว เห็นว่าเหมาะสมจึงค่อยสรุป หาก
ต้องการเพิ่มความมั่นใจในระบบที่เลือก และมีงบประมาณพอที่จะสร้างแบบจำลองขนาดเล็ก
(Laboratory scale) ขั้นมาเพื่อทำการทดลอง หากผลการทดลองออกมาตีนำผลที่ได้เหมือน
เดิมจึงค่อยนำผลมาออกแบบจริง ข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้ในระหว่างทำการทดลองซ้ำอีกครั้ง หากยังได้
ผลดีเหมือนเดิมจึงค่อยนำผลมาออกแบบจริง ข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้ในระหว่างทำการทดลองของขั้นตอน
ต่าง ๆ ควรนำมาถ่ายทอดให้เจ้าที่ที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องได้รับรู้รวมทังผู้จัดการควบคุมดูแลระบบให้
เป็นไปตามที่ต้องการได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีปัญหา จึงจะสรุปได้ว่าระบบบำบัดที่เลือกนั้นเหมาะ
สมทุกประการทั้งในด้านเทคโนโลยี การลงทุน ตลอดจนการกำกับดูลแลระบบ
         จากประสบการณ์ที่ผ่านมาผู้เลือกมักจะไม่ทำตามขั้นตอนที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะจะทำ
ให้เสียเวลาและงบประมาณ ส่วนใหญ่จะเรียนแบบจากหนังสือ คู่มือ หรือระบบที่มีอยู่แล้ว ด้วยเหตุ
นี้ระบบบำบัดที่สร้างกันขึ้นมาจึงทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ ระบบที่ทำงานได้ดีมีน้อย ด้วยเหตุ
นี้แา่น้ำสายหลักเกือบทั้งหมดในประเทศจึงมีคุณภาพน้ำถดถอยลงทุกวัน