(สำเนา)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2539)
ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535
เรื่อง   กำหนดคุณลักษณะของน้ำทิ้งที่ระบายออกจากโรงงาน
-------------------



          อาศัยอำนาจตามความในข้อ 14 แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2535) ออกตามความใน
พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ที่ระบุว่า "ห้ามระบายน้ำทิ้งออกจากโรงงานเว้นแต่ได้ทำการ
อย่างใดอย่างหนึ่งหรืออย่างจนน้ำทิ้งนั้นมีลักษณะเป็นไปตามที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาแต่ทั้งนี้ต้องไม่ใช้วิธีทำให้เจือจาง (Dilution)" รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
อุตสาหกรรมจึงออกประกาศกำหนดคุณลักษณะของน้ำทิ้งที่ระบายออกจากโรงงาน ดังนี้
ข้อ 1 คำจำกัดความ
        น้ำทิ้ง  หมายถึง   น้ำเสียที่เกิดจากการประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมที่จะระบายลง
สู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม และให้หมายความรวมถึงน้ำเสียจากการใช้น้ำของคน
งาน รวมทั้งจากกิจกรรมอื่นในโรงงานอุตสาหกรรม โดยน้ำทิ้งต้องเป็นไปตามมาตรฐานควบคุม
การระบายน้ำทิ้งที่กำหนดไว้ในประกาศนี้
ข้อ 2 น้ำทิ้งที่ระบายออกจากโรงงานต้องมีคุณสมบัติดังนี้
         1.   ความเป็นกรดและด่าง (pH) มีค่าไม่น้อยกว่า 5.5 และไม่มากกว่า 9.0
         2.  ทีดีเอส (TDS หรือ Total Dissolved Solids) ต้องมีค่าดังนี้
             2.1   ค่า ทีดีเอส ไม่มากกว่า 3,000 มิลลิกรัมต่อลิตร หรืออาจแตกต่างจากที่กำหนดไว้
                  ขึ้นกับปริมาณน้ำทิ้ง แหล่งรองรับน้ำทิ้ง หรือประเภทของโรงงานอุตสาหกรรม
                  ตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด แต่ต้องไม่มากกว่า 5,000 มิลลิกรัมต่อลิตร
             2.2   น้ำทิ้งซึ่งระบายออกจากโรงงานลงสู่แหล่งน้ำที่มีค่าความเค็ม (Salinity) มาก
                  กว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อลิตร ค่า ทีดีเอส ในน้ำทิ้งจะมีค่ามากกว่าค่า อีดีเอส ที่มีอยู่
                  ในแหล่งน้ำได้ไม่เกิน 5,000 มิลลิกรัมต่อลิตร
         3.  สารแขวนลอย (Suspended Solids) ไม่มากกว่า 50 มิลลิกรัมต่อลิตร หรืออาจ
แตกต่างจากที่กำหนดไว้ ขึ้นกับปริมาณน้ำทิ้ง แหล่งรองรับน้ำทิ้ง หรือประเภทของโรงงานอุตสาห-
กรรม ตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด แต่ต้องไม่มากกว่า 150 มิลลิกรัมต่อลิตร
         4.   โลหะหนักมีค่าดังนี้
              4.1   ปรอท  (Mercury) ไม่มากกว่า 0.005 มิลลิกรัมต่อลิตร
              4.2   เซเลเนียม (Selenium) ไม่มากกว่า 0.02 มิลลิกรัมต่อลิตร
              4.3   แคดเมียม (Cadmium) ไม่มากกว่า 0.03 มิลลิกรัมต่อลิตร
              4.4   ตะกั่ว (Lead) ไม่มากกว่า 0.2 มิลลิกรัมต่อลิตร
              4.5   อาร์เซนิค (Arsenic) ไม่มากกว่า 0.25 มิลลิกรัมต่อลิตร
              4.6   โครเมียม (Chromium)
                   4.6.1   Hexavalent Chromium ไม่มากกว่า 0.25 มิลลิกรัมต่อลิตร
                   4.6.2   Trivalent Chromium ไม่มากกว่า 0.75 มิลลิกรัมต่อลิตร
              4.7   บาเรียม (Barium) ไม่มากกว่า 1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร
              4.8   นิเกิล (Nickel) ไม่มากกว่า 1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร
              4.9   ทองแดง (Copper) ไม่มากกว่า 2.0 มิลลิกรัมต่อลิตร
              4.10 สังกะสี (Zine) ไม่มากกว่า 5.0 มิลลิกรัมต่อลิตร
              4.11 แมงกานีส (Managanese) ไม่มากกว่า 5.0 มิลลิกรัมต่อลิตร
         5.  ซัลไฟด์ (Sulphide) คิดเทียบเป้นไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) ไม่มากกว่า 1
             มิลลิกรัมต่อลิตร
         6.  ไชยาไนต์ (Cyanide) คิดเทียบเป็นไฮโดรเจนไชยาไนต์ (HCN) ไม่มากกว่า
             0.2 มิลลิกรัมต่อลิตร
         7.   ฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) ไม่มากกว่า 1 มิลลิกรัมต่อลิตร
         8.   สารประกอบฟีนอล (Phenols Compound) ไม่มากกกว่า 1 มิลลิกรัมต่อลิตร
         9.   คลอรีนอิสระ (Free Chlorine) ไม่มากกว่า 1 มิลลิกรัมต่อลิตร
         10. เพสติไซด์ (Pesticide) ต้องไม่มี
         11. อุณหภูมิ ไม่มากกว่า 40 องศาเซลเซียส
         12. สี ต้องไม่เป็นที่พึงรังเกียจ
         13. กลิ่น ต้องไม่เป็นที่พึงรังเกียจ
         14. น้ำมันและไขมัน (Oil&Grease) ไม่มากกว่า 5 มิลลิกรัมต่อลิตร หรืออาจแตก
             ต่างจากที่กำหนดไว้ ขึ้นกับปริมาณน้ำทิ้ง แหล่งรองรับน้ำทิ้ง หรือประเภทของโรงงาน
             อุตสาหกรรมตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด แต่ต้องไม่มากกว่า 15 มิลลิกรัม
             ต่อลิตร
         15. ค่า บีโอดี (Biochemical Oxygen Demand) ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส
             เวลา 5 วัน ไม่มากกว่า 20 มิลลิกรัมต่อลิตร หรืออาจแตกต่างจากที่กำหนดไว้ ขึ้นกับ
             ปริมาณน้ำทิ้งแหล่งรองรับน้ำทิ้ง หรือประกอบของโรงงานอุตสาหกรรรม ตามที่กรม
             โรงงานอุตสาหกรรมกำหนด แต่ต้องไม่มากกว่า 60 มิลลิกรัมต่อลิตร
         16. ค่า ทีเคเอ็น (TKN หรือ Total Kjeldahl Nitrogen) ไม่มากกว่า 100 มิลลิ-
                 กรัมต่อลิตร หรืออาจแตกต่างจากที่กำหนดไว้ ขึ้นกับปริมาณน้ำทิ้ง แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
                 หรือประเภทของโรงงานอุตสาหกรรม ตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด แต่ต้อง
                 ไม่มากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อลิตร
            17. ค่า ซีโอดี (Chemical Oxygen Demand) ไม่มากกว่า 120 มิลลิกรัมต่อลิตร
                 หรืออาจแตกต่างจากที่กำหนดไว้ ซึ่งกับปริมาณน้ำทิ้ง แหล่งรองรับน้ำทิ้ง หรือประเภท
                 ของโรงงานอุตสาหกรรม แต่ต้องไม่มากกว่า 400 มิลลิกรัมต่อลิตร
ข้อ 3 การตรวจสอบค่ามาตรฐานน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมตามข้อ 2 ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
            1.    การตรวจสอบค่าความเป็นกรดและด่างของน้ำทิ้ง ให้ใช้เครื่องวัดความเป็นกรดและค่าง
                 ของน้ำ (pH Meter)
            2.   การตรวจสอบค่า ทีดีเอส ให้ใช้วิธีการระเหยแห้ง ระหว่างอุณหภูมิ 103 องศาเซลเซียส
                 ถึงอุณหภูมิ 105 องศาเซลเซียส ในเวลา 1 ชั่วโมง
            3.   การตรวจสอบค่าสารแขวนลอยให้ใช้วิะีการกรองผ่านกระดาษกรองใยแก้ว (Glass
            Fiber Filter Disc)
         4.   การตรวจสอบค่าโลหะหนัก ให้ใช้วิธีการดังนี้
                 4.1   การตรวจสอบค่าสังกะสี โครเมียม ทองแดง แคดเมียม แบเรียม ตะกั่ว นิเกิล
                        และแมงกานีส ให้ใช้วิธีอะตอมมิค แอบซอฟชั่น สเปคโตร์โฟโตเมตตรี
                   (Atomic Absorption Spectrophotometry) ชนิดไดเร็คเอส
                  ไพเรชั่น (Direct Aspiration) หรือวิธีพลาสม่า อีมิสชั่น สเปคโตร์สโคปี
                  (Plasma Emission Spectroscopy) ชนิดอินดักทีฟลี คัพเพิล พลาสม่า
                  (Inductively Coupled Plasma: ICP)
             4.2   การตรวจสอบค่าอาร์เซนิค และเซเลเนียม ให้ใช้วิธีอะตอมมิคแอบซอฟชั่น สเปค-
                  โดร์ โฟโตเมตตรี (Atomic Absorption Spectrophotometry)
                  ชนิดไฮไดรด์เจนเนอเรชั่น (Hydride Generation) หรือวิธีพลาสม่า อีมิส-
                  ชั่น สเปคโตร์สโคปี (Plasma Emission Spectroscopy) ชนิดอินดัก-
                  ทีฟลี คัพเพิล พลาสม่า (Inductively Coupled Plasma: ICP)
             4.3   การตรวจสอบค่าปรอท ให้ใช้วิธีอะตอมมิคแอบซอฟชั่น โคลดื เวเปอร์ เทคนิค
                  (Atomic Absorption Cold Vapour Technigue)
         5.   การตรวจสอบค่าซัลไฟด์ ให้ใช้วิธีการไตเตรท (Titrate)
         6.   การตรวจสอบค่าไซยาไนด์ ให้ใช้วิธีกลั่นและตามด้วยวิธีไพริดีน บาร์บิทูริคแอซิค
             (Pyri-dine-Barbituric Acid)
         7.   การตรวจสอบค่าฟอร์มาลดีไฮด์ ให้ใช้วิธีเทียบสี (Spectrophotometry)
         8.   การตรวจสอบค่าสารประกอบพีนอล ให้ใช้วิธีกลั่น และตามด้วยวิธีก 4- อะมิโนแอนติ-
            ไพรีน (Distillation,4-Aminoantipyrine)
         9.   การตรวจสอบค่าคลอรีนอิสระ ให้ใช้วิธีไอโอโดเมตริค (Iodomctric Method)
         10. การตรวจสอบค่าสารที่ใช้ป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือสัตว์ ให้ใช้วิธีก๊าซโครมาโต-
             กราฟี (Gas-Chromatography)
         11. การตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำ ให้ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิ วัดขณะทำการเก็บตัวอย่างน้ำ
         12. การตรวจสอบค่าน้ำมันและไขมัน ให้ใช้วิธีสกัดด้วยตัวทำละลาย แล้วแยกหาน้ำหนัก
             ของน้ำมันและไขมัน
         13. การตรวจสอบค่าบีโอดี ใหใช้วิธีอะไซด์โมดิฟิเคชั่น (Azide Modification)
             ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 5 วัน ติดต่อกัน หรือวิธีอื่นที่กรมโรงงาน
             อุตสาหกรรมให้ความเห็นชอบ
         14. การตรวจสอบค่าทีเคเอ็น ให้ใช้วิธีเจลดาห์ล (Kjeldahl)
         15. การตรวจสอบค่าซีโอดี ให้ใช้วิธีย่อยสลายโดยโปตัสเซียมไดโครเมต (Potassium
             Dichromate Digestion)
ข้อ 4 การตรวจสอบค่ามาตรฐานน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม
         ตามข้อ 3 จะต้องเป็นไปตามคู่มือวิเคราะห์น้ำและน้ำเสีย ของสมาคมวิศวกรสิ่งแวดล้อม
แห่งประเทศไทย หรือ Standard Methods for the Examination of Water and
Wastewater ซึ่ง American Public health Association, American Water
Work Associantion และ Water Environment Federation ของสหรัฐอเมริกา
ร่วมกันกำหนดไว้ด้วย

                                                                  ประกาศ   ณ  วันที่  14  มิถุนายน  พ.ศ. 2539

                                                                  ไชยวัฒน์   สินสุวงศ์
                                                                                  (นายไชยวัฒน์   สินสุวงศ์)
                                                          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม


         สำเนาถูกต้อง
       (นายเสถียร   วีระวงศ์)
   เจ้าหน้าที่บริหารงานธุรการ 5

ประกาศราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 113 ตอนที่ 5 ง
วันที่  27  มิถุนายน  2539